การแจ้งเตือนภัยทางอากาศในท้องถิ่นเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 14:00 นาฬิกา[12] กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ 6 ลูกจาก 8 ลูกตกเหนือแคว้นดนีปรอแปตร็อวสก์[4] เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15:30 นาฬิกา เมื่อขีปนาวุธประเภทคา-22 พุ่งชนอาคารหลายชั้นเลขที่ 118 ถนนนาแบแรฌนา แปแรมอฮือ เขตซอบอร์นึย เมืองดนีปรอ[12][4][5] ในขณะนั้นยูเครนไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่จะสกัดกั้นขีปนาวุธคา-22 ได้[13] และนับตั้งแต่ที่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นมา รัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธประเภทดังกล่าวโจมตียูเครนมาแล้ว 210 ลูก โดยไม่มีลูกใดถูกยิงตกเลย[14]

ในเบื้องต้นมีรายงานว่าการโจมตีได้คร่าชีวิตผู้คนไป 20 คน[15] (รวมถึงเด็กหญิงอายุ 15 ปีคนหนึ่ง)[16] และทำให้มีผู้บาดเจ็บ 73 คน (รวมถึงเด็ก 14 คน เด็กที่อายุน้อยที่สุดมีอายุ 3 ปี และมีรายงานว่าเด็กหญิงอายุ 9 ปีคนหนึ่งมีการสาหัส)[17][18] ไม่มีใครทราบชะตากรรมของผู้อยู่อาศัยในอาคารอีก 26 คน[19] อานัสตาซียา ชแวตส์ วัย 23 ปี ซึ่งอยู่ในอาการตกใจในห้องน้ำชั้น 7 รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์[20] แต่พ่อแม่ของเธอที่อยู่ในบ้านเดียวกันสูญหายไป สองวันต่อมา ร่างของพ่อแม่ของชแวตส์ถูกพบอยู่ใต้ซากปรักหักพัง[21] ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน กองทัพรัสเซียได้สังหารวลาดึสเลา คู่หมั้นของชแวตส์ซึ่งเป็นทหารยูเครน[20]

เมื่อวันที่ 15 มกราคม สำนักงานสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งรัฐยูเครนรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 23 คนจากการยิงขีปนาวุธของรัสเซียใส่อาคารดังกล่าว[22] เมื่อถึงเวลา 13:15 นาฬิกา (วันถัดมา) มีรายงานผู้สูญหาย 43 คน ผู้บาดเจ็บ 72 คน (รวมถึงเด็ก 13 คน) และผู้ได้รับการช่วยเหลือออกมา 39 คน[22] ในช่วงบ่ายของวันที่ 15 มกราคม วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย ประธานาธิบดียูเครน ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต 25 คนผ่านทางเทเลแกรม[23] ในช่วงเช้าของวันที่ 16 มกราคม วาแลนตึน แรซนีแชนกอ ผู้ว่าการแคว้นดนีปรอแปตร็อวสก์ ได้ปรับยอดผู้เสียชีวิตเป็น 35 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 2 คน[8] มีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 39 คน และมีผู้บาดเจ็บ 75 คน โดย 14 คนในจำนวนนี้เป็นเด็ก[8] ผู้อยู่อาศัยในอาคาร 35 คนยังคงสูญหาย[8] ความเสียหายจากการโจมตีทำให้ห้องอยู่อาศัย 236 ห้องเสียหาย[6] และผู้คนราว 400 คนไร้ที่อยู่อาศัย[9] ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถูกยกเลิกในวันอังคารที่ 17 เมื่อยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 44 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 5 คน มีผู้บาดเจ็บ 79 คน และผู้ได้รับการช่วยเหลือ 39 คน[24]

หนึ่งในบรรดาผู้เสียชีวิตได้แก่ มือคัยลอ กอแรนอว์สกึย หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักมวยทีมชาติยูเครนจากแคว้นดนีปรอแปตร็อวสก์[25]